วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2553

Chaconne and Passacaglia

Chaconne นักดนตรีชาวฝรั่งเศส ผลงานของเขาได้รับความนิยมในยุค Baroque เมื่อผลงานของเขาถูกใช้เป็นเครื่องมือในยุคของความผันผวนทางดนตรี ซึ่งจะเป็นการตอกย้ำในความกลมกลืนในเสียงตัวโน้ตที่สืบต่อกันมา โดยเป็นเหตุให้เกิดความซ้ำซากจำเจใน Bass line ( Ground bass) ซึ่งมีการนำเสนอในผลงานเบื้องต้นที่กล่าวมานั้นสำหรับความเปลี่ยนแปลง , รูปร่าง และความไพเราะทางดนตรี ทั้งหมดนี้เป็นความคล้ายคลึงกันในแนวทางดนตรีของ Passacaglia

The Ground bass ถ้ามันเป็นส่วนหนึ่งของดนตรีมันมักจะเป็นแบบฉบับของระดับชั้นเสียงที่สืบทอดมาจาก Tonic ที่มีโน้ตตัวที่ 5 ในบันไดเสียง ความนุ่มนวล กลมกลืนที่ได้รับมาจากส่วนที่สูงยิ่งกว่ามักจะให้ความสำคัญกับ Circle of fifths หรือ แบบแผนที่ได้รับมาจากแนวดนตรีนั้น ๆ

ประวัติ
ยุคการก่อกำเนิดทางดนตรีในช่วงปลายศตวรรษที่ 16 ในสังคมสเปน ที่เป็นยุคล่าอาณานิคมแสวงหาโลกใหม่ เอกลักษณ์ในดนตรีแนวเต้นรำสนุกสนาน ที่มีการเคลื่อนไหวทางร่างกายและการแสดงล้อเลียนโดยในศตวรรษที่ 18 Chaconne ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงพัฒนาในความช้าของจังหวะในแต่ละเครื่องดนตรี
หนึ่งในที่รู้จักกันดีและเป็นแม่แบบทางดนตรีของ Chaconne คือการเคลื่อนไหวของโน้ตท่อนสุดท้าย ของ Violin Partita in D minor ผลงานของ Johann Sebastian Bach ในแนวดนตรีของ Chaconne เสียงของดนตรีทั้ง 4 ห้อง นำไปสู่การแสดงออกทางดนตรีของ Kaleidoscope และทั้งส่วนของคอร์ด Major Minor
หลังจากยุค Baroque แนวดรีของ Chaconne ได้ถูกปฎิเสธจากแนวดนตรีของ Ludwig van Beenthoven “ 32 Variations in C minor
Chaconne and Passacaglia
Chaconne ได้เข้ามามีอิทธิพลกับนักทฤษฎีดนตรีทั้งหลายในศตวรรษที่ 19 และช่วงต้นศตวรรษที่ 20 จากที่มีการกำหนดเอาเองในแนวทางดนตรี จากรูปแบบที่หลากหลายใน Hamonic Progression จากที่ถูกต่อต้านในรูปแบบที่หลากลายของ Malodic Bass ขณะที่นักทฤษฎีดนตรีอื่น ๆ ในยุคเดียวกันได้แบ่งแยกแนวทางออกไปหลายแนว จากประวัติทางดนตรีแนวดนตรีของ Chaconne ไม่ได้แบ่งแยกอย่างชัดเจนจาก Passacaglia ทั้งในแนวทางและโครงสร้าง สำหรับในยุคใหม่ ความพยายามที่จะสร้างความชัดเจนในการแบ่งแยกนั้นจะไม่ได้ให้ความสำคัญมาก และอีกทั้งในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาไม่มีใครทำได้ ในความเป็นจริงรูปแบบทั้ง 2 นั้น บางครั้งจะนำมาผสมผสานในแนวทางดนตรีได้ดังที่แนวดนตรีของ Girolamo Frescobaldi ที่ว่า Cento partite sopra passacaglia ได้มีการนำดนตรีดังกล่าวมาแสดงใน Les Nations (1726)
Frescobaldi ผู้ที่อาจจะเป็นนักประพันธ์เพลงคนแรกที่มีการเปรียบเทียบแนวดนตรีของ Chaconne และ Passacaglia ที่มักจะใช้ Major key เป็นหลัก กับกลุ่มในส่วนผสมของกลุ่ม 2 Compound Triple – Beat ต่อความหลากหลายในความผันผวนของแนวดนตรี ซึ่งตัวเขาเองได้ผลักดันแนวดนตรีของ Chaconne ไปข้างหน้ามากกว่า Passacaglia ซึ่งเขามักจะใช้กลุ่มรูปแบบทั้ง 4 ของ Triple – Beat เป็นหลัก และยังมีการใช้ Triple Meter ด้วย โดยใช้ในการเริ่มต้นของ 2 จังหวะในหนึ่งห้อง และยังเป็นแนวทางของการวัดใน 4 รูปแบบ (ในหลาย ๆ ครั้งแนวดนตรีของ Chaconne ก็มีส่วนคล้ายกับแนวดนตรีของ Passacaglia ในเรื่องของการไม่ใช้จังหวะ ¾ ในหนึ่งห้องดนตรี
ในแนว Bass Line ของ Chaconne มักจะมีการใช้คอร์ดเข้ามาเกี่ยวข้องโดยที่มักจะไม่มีการนำเสนอในรูปแบบที่คล้าย ๆ กัน ซ้ำไปมา ถึงแม้ว่าในรูปแบบของเพลงที่แสดงออกมาเราจะมีความคล้ายคลึงกัน