วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

บทสวดมนต์ของ Ambrosian

บทสวดมนต์ของ Ambrosian (เรียกว่าการสวดมนต์ของชาวเมืองมิลาน) เป็นพิธีสักการะบูชาที่เป็นบทเพลงขับร้องควบคู่กันไปกับพิธีสวดของ Ambrosian ของโบสถ์ Roman Catholic, บทสวดของ Ambrosian มีทั้งเกี่ยวข้องแต่ก็มีความแตกต่างจากการสวดมนต์ในแนวของ Gregorian. โดยเป็นแนวที่เกี่ยวข้องกับแคว้น Archdiocese ของมิลาน และเป็นการตั้งชื่อและจุดกำเนิดจากนักบุญ Ambrose เช่นเดียวบทสวดมนต์ Gregorian ที่ได้รับการประทานชื่อจาก Gregory The Great. มันเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาของบทเพลงสวดมนต์ของ Gregorian ที่จะอยู่กันกับพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ภายในโบสถ์ Roman Catholic.
ประวัติ
ตามประวัติศาสตร์ของเมืองมิลานซึ่งเป็นศูนย์กลางสำหรับเพลงศาสนาที่นำโดยนักบุญ Ambrose. Ambrose ที่ไม่ได้รับรู้ถึงการแต่งบทเพลง Ambrosian นี้เลย เช่นเดียวกับ Gregory ผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่ได้รับรู้ถึงบทเพลง Gregorian เช่นเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามในช่วงของกลางศตวรรษที่ 4 ในการปกครองมิลานของ Bishop เขาเองได้ให้การสนับสนุนบทกวีและบทเพลงในโบสถ์จรดตะวันออกสู่ตะวันตก สำหรับ Ambrose นั้นมีการแต่งเนื้อเพลงและโคลงที่ดี โดยทั้งสี่ส่วนของบทเพลงยังคงอยู่รอดพร้อมกับเนื้อเพลงที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากเกินไปจาก melodies เดิม. ในการเขียนเพลงของ Ambrose ได้สื่อถึงการแสดงการโต้แย้งหรือการต่อบทกลอนกันระหว่างบทกวี ซึ่งในการร้องเพลงแบบฉายเดี่ยวของบทสวดมนต์ดังกล่าวนั้นได้มีการถูกแลกเปลี่ยนและถกเถียงกันในบรรดาฝูงชนผู้เข้าร่วมที่เรียกว่า antiphon.
เมื่อเวลาผ่านไปพิธีสวดของเมืองมิลานได้กลายมาเป็นพิธีกรรมของ Ambrosian ซึ่งมีการรวมกันระหว่างพิธีกรรมของ Gallican และ Mozarabic มากกว่าในแนวทางของโรมัน. บทสวดมนต์ของ Ambrosian ได้มีการพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการในแบบเฉพาะของพิธีสวด Ambrosian. แม้ว่าพิธีของ Ambrosian จะมีทำนองการขับร้องที่เกี่ยวข้องกับพิธีอื่นๆ และบทสวดมนต์ของ Ambrosian ความเกี่ยวข้องในแง่ของประเพณีทางดนตรีกับบทเพลงอื่นๆ ความแตกต่างในการขับร้อง, ความแตกต่างกันในบทเพลง และความแตกต่างกันในบทสวดมนต์และสไตล์ดนตรีทำให้การสวดมนต์ของ Ambrosian มีลักษณะเฉพาะทางดนตรีอย่างชัดเจน โดยในช่วง ศตวรรษที่ 8 ได้ประจักษ์พยานยืนยันทั่วทั้งอิตาลีในตอนเหนือ และอาจรวมถึงภาคใต้ของอิตาลีด้วยถึงความคลาสสิกในบทเพลงดังกล่าว
ในระหว่างศตวรรษที่ 8 - 13 การสวดมนต์ของ Carolingian ที่ได้รับมอบหมายโดย Charlemagne ได้ถูกพัฒนาขึ้น ตามที่พวกเรารู้จักว่าบทสวดมนต์ของ Gregorian เริ่มมีอิทธิพลมากในประเพณีการขับร้องในเขตตะวันตก โดยศตวรรษที่ 12 ที่ชาว Mozarabic, Gallican, Celtic, โรมันในยุคเก่า และ Beneventan ซึ่งได้รับประเพณีการสวดมนต์แทนที่โดยบทสวดมนต์ของ Gregorian. การสวดมนต์แบบ Ambrosian ยังอยู่รอดได้จากความพยายามของ Popes ซึ่งแม้หลายช่วงหลายศตวรรษของการสถาปนาความเป็นผู้นำในบทสวดของ Gregorian ก็ตาม. จากพงศาวดารโดยประวัติศาสตร์ของเมืองมิลานในแนวทางของ Landolphus จากการกล่าวอ้างในรอบ 1000 ปี ของตำนานในพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธ์ทั้งสอง Gregorian และ Ambrosian, ได้ถูกวางไว้ที่แท่นบูชาเพื่อที่จะสวดมนต์พร้อมทั้งเปิดแสดงทั้งให้เห็นว่าทั้งสองเป็นที่ยอมรับเท่าเทียมกัน .
บทสวดมนต์ของ Ambrosian ไม่อาจหลีกหนีจากอิทธิพลของ Gregorian ได้ ในกว่า 800 ปีเศษ และ ในหนังสือบทสวดฉบับสมบูรณ์ของศตวรรษที่ 11 และ 12 ที่ได้มีการบันทึกโน้ตทางดนตรีในช่วงแรกๆ ไว้ ได้แสดงถึงความแตกต่างระหว่างบทสวด Gregorian และ Ambrosian. หลังจากที่บทสวดAmbrosian มีสไตล์และแนวทางที่แตกต่างออกไป ซึ่งก็ถือได้เป็นการตอบโต้จากอิทธิพล Gregorian ด้วย. แม้ว่านักบุญ Charles Borromeo พยายามให้พิธีของ Ambrosian ได้เข้ามามีอิทธิพลในสเปน ยุคใหม่ของ Ambrosian ได้ถูกนำเสนอโดย Perego ในปี 1622, กว่า 800 ปีต่อมา สำหรับ Gregorian ไม่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปถึงความถูกต้องซึ่งสะท้อนถึงความเป็นจริงของดนตรีในช่วงเวลานั้น

บทสวดมนต์ของ Ambrosian ที่ยังใช้อยู่ปัจจุบัน ถึงแม้การนำมาใช้จะไม่บ่อยครั้ง ในแนวทางในแคว้น Archdiocese ของมิลานและบรรดาชาวเมือง ในส่วนของแคว้น Lombardy และในบางส่วนของประเทศสวิส Diocese แห่งเมือง Lugano. ซึ่งล่าสุดก็รอดจากการเปลี่ยนแปลงในพิธีสวดที่นำโดยวาติกัน II เนื่องจากยุคสมัยก่อนของพระสันตะปาปาปอล VI เป็นหัวหน้าคณะบาทหลวงของมิลาน.

บทสวดมนต์ Ambrosian [สวดมนต์ของเมืองมิลาน].
กระจาย จุดกำเนิดและการพัฒนา.
นับศตวรรษที่บทสวด Ambrosian ได้ถูกกักอยู่ที่มิลาน, ชานเมืองเพื่อใช้ในโบสถ์ ในท้องถิ่นซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ระหว่างเมืองและทะเลสาบโคโมและ Maggiore ในภาคเหนือ ในการประกอบพิธีซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจาก St Ambrose ในศูนย์กลางของมิลาน แต่ก็ได้ถูกเผยแพร่อย่างมากในช่วงหลัง: ตามการเขียนของพระชาวไอริชในฝรั่งเศสช่วงไป ค.ศ. 767 โดยเขตการปกครองหลักก็คือ 'Italia' อาณาเขตพื้นที่ในช่วงของแคว้น Ambrose ที่รวมทั้งหมด 17 จังหวัดของโรมันในเขตคาบสมุทรอิตาลีเหนือ. มีหลักฐานว่าการสวดมนต์ได้ มีการเริ่มแพร่หลายในภาคใต้ของอิตาลี ในเขตพื้นที่ราบในช่วงศตวรรษที่ 6 ในเขตแคว้น Ostragoths และ Lombards คือ (ตำบลที่สำคัญมากในภาคเหนือของอิตาลีในพื้นที่อิทธิพลของ Ambrosian). เนื่องจากการกระจายอย่างกว้างขวางของพิธีและบทสวดมนต์ที่เกี่ยวข้องคำว่า 'Ambrosian' ในบางครั้งก็เรียกว่าบทสวดชาวมิลาน แม้ว่าบทบาทของ St Ambrose ในการสร้างพิธีการสวดโดยการตั้งชื่อของเขาก็ไม่ดีกว่าส่วนของ St Gregory กับ 'บทสวดมนต์ของ Gregorian'.
มิลานมีบิชอปเป็นผู้ปกครองจึงมีความเป็นอิสระเกี่ยวกับพิธีสวดต่างๆ กว่า 2 ศตวรรษ จึงอาจจะยากที่จะมีข้อสงสัยใน 'บทสวดมนต์ของชาวเมืองมิลาน' ในขอบเขตของชาวพื้นเมืองดั้งเดิม. แต่อิทธิพลภายนอกนั้นมีความสำคัญไม่น้อยจากอิทธิพลของกรุงโรม จากรูปแบบของใครของมัน' ในคำประกาศของ St Ambrose 'เราปฏิบัติตามสำหรับทุกสิ่ง'. มันได้มีข้อสังเกตว่าพิธีสวด Ambrosian นั้นได้มีอิทธิพลในเขตตะวันออกด้วย. การยืนยันบทสวดได้ถ้อยคำบางส่วนจากกรีกคริสตจักรด้วย มันไม่ชัดเจนว่าถึงวันนี้จากระยะเวลาในการก่อร่างสร้างตัวของบทสวดมนต์ Ambrosian หรือมันก็เป็นที่สิ่งที่สำคัญมากกว่าอิทธิพลของพิธีละตินอื่นๆ. ความสัมพันธ์ระหว่างพิธี Ambrosian และ บทเพลงโบราณของสเปนและ Gaul ก็ยังได้เห็นแต่จุดกำเนิดของสิ่งที่เรียกได้ว่าการเป็นที่รู้จักกันดีและความสัมพันธ์ที่ได้โดยเฉพาะที่สำคัญที่สามารถสร้างขึ้นมา
เป็นที่ชัดเจนว่าการสวดมนต์ Ambrosian ได้เริ่มมีอิทธิพลต่อภายนอก ในบางส่วนของการพัฒนาในหนังสือ Gregorian. Sequentiae - melismatic ของ alleluia jubilus ที่ได้กล่าวโดย Notker และระบุใน manuscripts Gregorian เมื่อปลายศตวรรษที่ 8 – มีสำเนาที่แน่นอนใน melodiae ระหว่างการขับร้องในแบบฉบับของ Ambrosian. แต่มันเป็นจุดที่สำคัญฉบับดั้งเดิม – การซ้ำทำนอง – ไม่ได้มีในหนังสือ Ambrosian, การแก้ไขข้อมูลและการสอดแทรกเนื้อหาอื่นๆ จะที่รู้จักกันโดยทั่วไปในลักษณะของคำอุปมาอุปไมย รายละเอียดเบื้องต้นของ melodies นั้นพัฒนามาจากของบทเพลงสวดมนต์โบราณที่ดูเหมือนว่าจะมีการจำกัดอย่างชัดเจนหลังจากชนะของชาว Frankis บทสวดส่วนน้อยได้ถูกเพิ่มขึ้นในช่วงสมัยยุคกลางตอนปลายแต่ก็ปรากฏว่าโดยในทั่วไปของเมืองมิลานจะไม่เต็มใจหรือไม่เพิ่มเติมในตัวบทสวดของพวกเขา ในช่วงปลาย ของ Gregorian ได้มีการเพิ่มส่วนของบทสวดส่วนที่สองสำหรับการร้องบทสวดนับร้อยโดยประยุกต์ให้เข้ากับดนตรี Ambrosian. ในช่วงต้นศตวรรษที่ 12 มีกว่า 400 ชีวิตของในพิธีสวด alleluias ของ Gregorian ; สำหรับหนังสือ Ambrosian มีเพียงแค่สิบเล่ม. คำกล่าวของพวกอนุรักษ์นิยมที่บ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ของ Gregorian. โดยCharlemagne ได้พยายามอย่างจริงจังเพื่อปราบปรามการสวดมนต์ในแบบ Ambrosian เนื่องจากความโปรดปรานในการสวดมนต์แบบ Gregorian ซึ่งไม่เป็นที่รู้จักกันดี สำหรับในมิลานพบว่าตัวเองล้อมรอบด้วยบรรดาเจ้าหน้าที่ ไม่เห็นด้วยเนื่องจากความแพร่หลายของในความเชื่อของพวกเขากลายเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจทั่วไปของตำแหน่งสันตะปาปาในการสวดมนต์แบบ Ambrosian